หลังจากที่สาวกแอปเปิ้ลตั้งหน้าตั้งตารอกันมานาน ล่าสุด แอปเปิ้ลก็ได้เปิดตัวแท็บเล็ต iPad รุ่นใหม่ ออกมาให้ชื่นชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่า iPad รุ่นใหม่ตัวนี้ มาพร้อมคุณสมบัติที่เรียกว่าไม่ทำให้ผิดหวัง สมกับที่ใครหลายคนตั้งตารอกันเลยทีเดียว
เมื่อช่วงดึกของวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาตามเวลาประเทศ ไทย แอปเปิ้ล ผู้ผลิตเทคโนโลยีตระกูล i ได้เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นล่าสุด The New iPad (iPad 3) ที่ มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ iPad 2 แทบจะทุกประการ แต่มาพร้อมหน้าจอและกล้องที่ชัดขึ้น รองรับเครือข่าย 4G LTE และใช้เป็น Hot Spot ได้ แถมยังมีแอพพลิเคชั่นภาพถ่ายที่น่าสนใจอย่าง "iPhoto" อีกด้วย
สำหรับรายละเอียดสเปคที่โดดเด่นของตัวเครื่องนั้น The New iPad ตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Ratina Display ที่มีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 2048 x 1536 พิกเซล ซึ่งชัดกว่า iPad 2 ถึง 4 เท่า และละเอียดกว่าความละเอียดระดับ HDTV เสียอีก ส่วนหน่วยประมวลผลนั้น ใช้ชิพ Apple A5X ซึ่งเป็นชิพเซ็ทแบบ Dual-core Processor และระบบประมวลผลภาพ หรือ GPU นั้น เป็นชิพเซ็ทระดับ Quad-core Processor
มาดูเรื่องของกล้องกันบ้าง iPad เวอร์ชั่นใหม่นี้มีการพัฒนาความละเอียดของกล้องด้านหลังให้ อยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล ซึ่งสามารถบันทึกวิดีโอแบบ Full HD ได้สบาย และเลนส์เป็นเซ็นเซอร์แบบ Backside illumination sensor ที่ให้ภาพที่คมชัดไม่ว่าจะอยู่ในภาวะแสงจ้าหรือแสงน้อยก็ตาม แถมยังมีแอพพลิเคชั่นภาพถ่าย iPhoto ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพถ่ายได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส งานนี้ไม่ต้องใช้ทักษะด้านโฟโต้ชอปเลยก็สามารถทำได้
ส่วนความสามารถด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้น The New iPad ได้ถูกพัฒนาให้สามารถรองรับเครือข่าย 4G LTE ที่สามารถดาวน์โหลดได้เร็วถึง 73 Mbps และยังรองรับเครือข่าย GSM/UMTS ที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก และที่โดดเด่นมาก ๆ ก็คือ มันสามารถใช้เป็น Hot Spot ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แล้ว โดยสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านทาง Wi-Fi, Bluetooth หรือ USB
นอกจากนี้ The New iPad ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Dictation ที่จะทำหน้าที่พิมพ์แทนผู้ใช้ โดยมีวิธีใช้งานง่าย ๆ เพียงแค่ผู้ใช้กดปุ่ม Dictation แล้วพูด ระบบก็จะทำการพิมพ์ให้โดยอัตโนมัติ
ส่วนราคาของ The New iPad ตัวนี้ แบ่งเป็น 2 รุ่น คือรุ่น Wi-Fi และรุ่น Wi-Fi + 4G ราคาเป็นดังต่อไปนี้
รุ่น Wi-Fi : 16GB ราคา 15,900 บาท, 32 GB ราคา 18,900 บาท, และ 64 GB ราคา 21,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + 4G : 16GB ราคา 19,900 บาท, 32 GB ราคา 22,900 บาท, และ 64 GB ราคา 25,900 บาท
และแน่นอนว่า เมื่อมีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่แล้ว iPad รุ่นก่อนหน้านี้ก็จะถูกปรับราคาลดลงตามธรรมเนียม โดย iPad 2 จะปรับราคาลงอีก 3,000 บาท เหลืออยู่ที่ราว ๆ 12,900 บาท
อย่างไรก็ดี ใครที่อยากจะได้ The New iPad มาครอบครอง เห็นทีว่าจะต้องรอกันนานสักหน่อย เพราะทางแอปเปิ้ลไม่มีการกำหนดวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ขณะที่ในประเทศแถบยุโรป รวมทั้งญี่ปุ่นและสิงคโปร์นั้น มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 16 มีนาคมนี้แล้ว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก apple.com
รวบรวมข่าวไอที:นวัตกรรม :เทคโนโลยี
webaraidee
จัดทำ Blog เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ให้กับอีกหลายๆ คนได้เรียนรู้ไปพร้อมด้วย ไม่ว่าจะเป็นบทความ สื่อมัลติมีเดีย ข่าวเหตุการณ์สำคัญและเทคโนโลยีต่างๆ
วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555
"อินเทล" จับมือกระทรวงศึกษาฯ ผุดต้นแบบห้องเรียน "อินเทล แทบเล็ต" วัดผลคู่ขนานโครงการแทบเล็ต ป. 1
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำต้นแบบห้องเรียนที่ใช้เทคโนโลยีของอินเทล บนแทบเล็ต เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และประถมศึกษาปีที่ 4 โดยเลือกโรงเรียนอนุบาลสามเสน เป็นโรงเรียนนำร่อง ระยะเวลาทดสอบเดือน ก.พ.-เม.ย.นี้ เป็นการปรับปรุงจากโครงการ "คลาสเมท พีซี" เดิม ที่พัฒนาต้นแบบพีซี เพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียนทั่วโลก แต่ครั้งนี้จะใช้แทบเล็ต เป็นเครื่องมือใหม่ในการเรียนรู้ และเป็นตลาดใหม่ที่อินเทลเริ่มพัฒนา โดยเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "อินเทล เลิร์นนิ่ง ซีรีส์" รวมตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เป็นอีโคซิสเต็มส์ที่ใช้งานได้สมบูรณ์
สเปคใกล้เคียงแทบเล็ตภาครัฐ สำหรับคุณสมบัติของเครื่องที่ทดสอบครั้งนี้ใกล้เคียงกับคุณสมบัติที่กระทรวงศึกษาใช้ในโครงการแทบเล็ต ป. 1 คือ ขนาด 7 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ 3.2 เชื่อมต่อไวไฟได้ พร้อมกล้องหน้า-หลัง ใช้แบตเตอรี่ได้นาน 4-5 ชั่วโมง และใช้เทคโนโลยีประมวลผลด้วยโปรเซสเซอร์ตระกูลอะตอม
ผู้บริหารอินเทล ยังไม่ประเมินราคาเครื่องดังกล่าว เพราะต้นแบบดีไซน์ ที่บริษัทส่งให้ผู้ผลิตที่ใช้เทคโนโลยี แต่จะให้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นผู้ประเมินผลและส่งให้กับกระทรวงศึกษาใช้ประกอบการทำโครงการแทบเล็ต ป. 1 ของรัฐบาล
"รัฐบาลจัดซื้อแบบจีทูจี เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรไม่ได้เลย เรามีบทบาทเป็นเพียงแอดไวเซอร์ ที่มีประสบการณ์ทำงานด้านการศึกษาในต่างประเทศ เช่น ตอนที่ยังเป็นคลาสเมท พีซี มีบริษัทที่นำต้นแบบเราไปผลิตแล้วขายให้กับรัฐบาลแล้วหลายประเทศ เช่น อาร์เจนตินา 2 ล้านเครื่อง โปรตุเกส 1.4 ล้านเครื่อง และมาเลเซียอีกราว 1 แสนเครื่อง ส่วนแทบเล็ตที่นำมาทดลองครั้งนี้ใช้บริษัทในจีนเป็นผู้ผลิต"
เสนออบรมครูโปรเจคแทบเล็ตรัฐ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำเสนอโครงการ "อินเทล ทีช" (Intel Teach) ที่ร่วมมือกับกระทรวงศึกษามาก่อนหน้านี้ เพื่ออบรมครูให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน มาปรับใช้กับโครงการแทบเล็ตในครั้งนี้ เนื่องจากพบว่าครูส่วนใหญ่ไม่เชี่ยวชาญไอที ไม่มีความรู้เกี่ยวกับแทบเล็ตมาก่อน ปัจจุบันมีครูที่อยู่ในโครงการแล้ว 1.4 แสนคน จากจำนวนครูทั่วประเทศกว่า 5 แสนคน
นายเบิร์น นอร์ดโฮเซ็น ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นเพื่อการศึกษา โครงการอินเทล World Ahead กล่าวว่า หลายๆ โครงการที่อินเทล เคยทำในต่างประเทศพบว่าการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยการเรียนการสอนจะทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาความสามารถการเรียนรู้ของเด็กที่ช้าเร็วต่างกันได้ เพราะเด็กสามารถกดเรียนรู้ซ้ำได้จากเดิมที่ครูอธิบายบนกระดานครั้งเดียว แล้วเด็กต้องยกมือถาม
เขาระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานของห้องเรียนแทบเล็ตที่ควรมี คือ ไวไฟ หรืออินเทอร์เน็ตภายในของโรงเรียน และเซิร์ฟเวอร์ สำหรับเก็บคอนเทนท์ ส่วนขนาดของห้องเรียนก็แล้วแต่การบริหารจัดการของครู เพราะเทคโนโลยีสามารถปรับเปลี่ยนได้
"ข้อเสนอสำหรับรัฐบาล คือ การพัฒนาครูยังเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าดีไวซ์ และอีโคซิสเต็มส์ทั้งหมดยังต้องมีองค์ประกอบ เช่น คอนเทนท์ หรือระบบการจัดการเครือข่าย ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว"
ชี้แทบเล็ตทำให้เด็กเรียนสนุก
นางณัฏฐนันท์ ปั้นลายนาค ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลสามเสนฯ เผยว่า หลังจากทดลองใช้กับเด็ก ป. 1 และ ป. 4 เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าแทบเล็ต ทำให้เด็กรู้สึกมีความสุขกับการเรียนมากขึ้น สามารถทำให้การเรียนรู้นามธรรมเป็นรูปธรรมได้มากเท่าไร จะทำให้เด็กเข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นการใช้แทบเล็ตประกอบกับการสอน 3 วิชาสาระ คือ อังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์ โดยมีคอนเทนท์หลักจาก สพฐ.ใส่มาให้ อย่างไรก็ตาม แทบเล็ตไม่สามารถแทนการสอนของครูได้ และยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากกว่าครู แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สอนง่ายขึ้นเท่านั้น
"คนที่ห่วงว่าเด็กจะหมกมุ่นกับแทบเล็ตจนไม่เรียน ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ เพราะมีระบบที่ครูควบคุมหน้าจอของเด็กได้ และครูจะต้องเป็นนักจัดการที่ดี ออกแบบการสอนว่าจะใช้แทบเล็ตตอนไหน ไม่ได้ใช้ตลอดชั่วโมง" นางณัฏฐนันท์กล่าว
ผอ.สามเสนย้ำใช้แทบเล็ต “ครู” ต้องพร้อม นางณัฏฐนันท์ ปั้นลายนาค ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลสามเสน กล่าวว่า การทดลองใช้แทบเล็ตโรงเรียนเรามีความตื้นตัวมาก โดยจะเลือกชั้น ป. 1 ที่มีความพร้อม และสนใจอยากเรียนรู้ จากนั้นให้อินเทลมาอบรมครูทุกคน ทุกชั้นเรียน ใช้แทบเล็ต เพื่อปูพื้นฐานให้ครูเข้าใจ และเห็นประโยชน์ต่อการนำมาใช้การเรียนการสอน หากครูไม่เข้าใจและได้รู้จัดการบริหารจัดการการเรียนการสอนที่จะใช้กับเด็กนักเรียน เด็กก็จะไม่ได้รับประโยชน์
ขณะเดียวกัน ได้ใช้หลักสูตรแกนกลางของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มาใช้ร่วมกับสิ่งที่ครูได้คิดรูปแบบเนื้อหาขึ้นมาใหม่ โดยให้อินเทล เป็นผู้ช่วยการผลิตขึ้นมาให้ เช่น ครูอาจจะคิดข้อสอบออกมาใหม่เป็นข้อๆ ทางอินเทล ก็ช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ให้นำมาอยู่ในแทบเล็ต เด็กสามารถทำข้อสอบผ่านแทบเล็ตได้ ส่วนครูก็สามารถดูได้ว่าเด็กทำข้อสอบข้อไหนทำได้มากที่สุด น้อยที่สุด สามารถประเมินการเรียนการสอนได้ทันที
“เรามองว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นสิ่งที่ดี ขณะเดียวกัน ครูก็ต้องเป็นผู้จัดการที่ดีด้วย ต้องมีวิธีการ มีกระบวนการเรียนการสอนนักเรียนชั้น ป. 1 ต้องมีการออกแบบการเรียนรู้ เป็นเรื่องที่ครูต้องศึกษาให้ดี ทำอย่างไรจะให้แทบเล็ตมาเป็นเครื่องมือให้ครูสอนได้ง่ายขึ้น เด็กสามารถเรียนรู้จากแทบเล็ตได้เร็วขึ้น หากครูสามารถทำเนื้อหาที่เป็นนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมได้มากเท่าไร เด็กก็จะเข้าใจในบทเรียนมากขึ้น” นางณัฏฐนันท์กล่าว
เด็ก ป. 1 ชอบแทบเล็ตทำให้เรียนสนุก ด.ญ.มาริษา ซาน อายุ 7 ขวบนักเรียนชั้น ป. 1/4 กล่าวว่า รู้สึกชอบแทบเล็ตเพราะใช้แล้วรู้สึกสนุก ทำให้อยากเรียนรู้ในวิชาต่างๆ มากขึ้น และทำให้เรามีความรู้เพิ่มมากขึ้น จากการใช้งาน ถ้าไม่เข้าใจก็กดดูซ้ำอีกครั้ง ถามว่าอยากใช้ทำอะไรอีกนอกจากใช้เรียนใน 3 วิชาหลัก ด.ญ.มาริษา บอกว่าอยากใช้เล่นเกม แต่ไม่สามารถเล่นได้ ขณะที่ ด.ญ.นลินทิพย์ เครือไชย กล่าวว่า รู้สึกชอบแทบเล็ตเพราะได้ความรู้เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน ทำให้เวลาเรียนสนุกกับการเรียนไปด้วย
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/
สเปคใกล้เคียงแทบเล็ตภาครัฐ สำหรับคุณสมบัติของเครื่องที่ทดสอบครั้งนี้ใกล้เคียงกับคุณสมบัติที่กระทรวงศึกษาใช้ในโครงการแทบเล็ต ป. 1 คือ ขนาด 7 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ 3.2 เชื่อมต่อไวไฟได้ พร้อมกล้องหน้า-หลัง ใช้แบตเตอรี่ได้นาน 4-5 ชั่วโมง และใช้เทคโนโลยีประมวลผลด้วยโปรเซสเซอร์ตระกูลอะตอม
ผู้บริหารอินเทล ยังไม่ประเมินราคาเครื่องดังกล่าว เพราะต้นแบบดีไซน์ ที่บริษัทส่งให้ผู้ผลิตที่ใช้เทคโนโลยี แต่จะให้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นผู้ประเมินผลและส่งให้กับกระทรวงศึกษาใช้ประกอบการทำโครงการแทบเล็ต ป. 1 ของรัฐบาล
"รัฐบาลจัดซื้อแบบจีทูจี เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรไม่ได้เลย เรามีบทบาทเป็นเพียงแอดไวเซอร์ ที่มีประสบการณ์ทำงานด้านการศึกษาในต่างประเทศ เช่น ตอนที่ยังเป็นคลาสเมท พีซี มีบริษัทที่นำต้นแบบเราไปผลิตแล้วขายให้กับรัฐบาลแล้วหลายประเทศ เช่น อาร์เจนตินา 2 ล้านเครื่อง โปรตุเกส 1.4 ล้านเครื่อง และมาเลเซียอีกราว 1 แสนเครื่อง ส่วนแทบเล็ตที่นำมาทดลองครั้งนี้ใช้บริษัทในจีนเป็นผู้ผลิต"
เสนออบรมครูโปรเจคแทบเล็ตรัฐ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำเสนอโครงการ "อินเทล ทีช" (Intel Teach) ที่ร่วมมือกับกระทรวงศึกษามาก่อนหน้านี้ เพื่ออบรมครูให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน มาปรับใช้กับโครงการแทบเล็ตในครั้งนี้ เนื่องจากพบว่าครูส่วนใหญ่ไม่เชี่ยวชาญไอที ไม่มีความรู้เกี่ยวกับแทบเล็ตมาก่อน ปัจจุบันมีครูที่อยู่ในโครงการแล้ว 1.4 แสนคน จากจำนวนครูทั่วประเทศกว่า 5 แสนคน
นายเบิร์น นอร์ดโฮเซ็น ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นเพื่อการศึกษา โครงการอินเทล World Ahead กล่าวว่า หลายๆ โครงการที่อินเทล เคยทำในต่างประเทศพบว่าการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยการเรียนการสอนจะทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาความสามารถการเรียนรู้ของเด็กที่ช้าเร็วต่างกันได้ เพราะเด็กสามารถกดเรียนรู้ซ้ำได้จากเดิมที่ครูอธิบายบนกระดานครั้งเดียว แล้วเด็กต้องยกมือถาม
เขาระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานของห้องเรียนแทบเล็ตที่ควรมี คือ ไวไฟ หรืออินเทอร์เน็ตภายในของโรงเรียน และเซิร์ฟเวอร์ สำหรับเก็บคอนเทนท์ ส่วนขนาดของห้องเรียนก็แล้วแต่การบริหารจัดการของครู เพราะเทคโนโลยีสามารถปรับเปลี่ยนได้
"ข้อเสนอสำหรับรัฐบาล คือ การพัฒนาครูยังเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าดีไวซ์ และอีโคซิสเต็มส์ทั้งหมดยังต้องมีองค์ประกอบ เช่น คอนเทนท์ หรือระบบการจัดการเครือข่าย ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว"
ชี้แทบเล็ตทำให้เด็กเรียนสนุก
นางณัฏฐนันท์ ปั้นลายนาค ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลสามเสนฯ เผยว่า หลังจากทดลองใช้กับเด็ก ป. 1 และ ป. 4 เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าแทบเล็ต ทำให้เด็กรู้สึกมีความสุขกับการเรียนมากขึ้น สามารถทำให้การเรียนรู้นามธรรมเป็นรูปธรรมได้มากเท่าไร จะทำให้เด็กเข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นการใช้แทบเล็ตประกอบกับการสอน 3 วิชาสาระ คือ อังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์ โดยมีคอนเทนท์หลักจาก สพฐ.ใส่มาให้ อย่างไรก็ตาม แทบเล็ตไม่สามารถแทนการสอนของครูได้ และยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากกว่าครู แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สอนง่ายขึ้นเท่านั้น
"คนที่ห่วงว่าเด็กจะหมกมุ่นกับแทบเล็ตจนไม่เรียน ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ เพราะมีระบบที่ครูควบคุมหน้าจอของเด็กได้ และครูจะต้องเป็นนักจัดการที่ดี ออกแบบการสอนว่าจะใช้แทบเล็ตตอนไหน ไม่ได้ใช้ตลอดชั่วโมง" นางณัฏฐนันท์กล่าว
ผอ.สามเสนย้ำใช้แทบเล็ต “ครู” ต้องพร้อม นางณัฏฐนันท์ ปั้นลายนาค ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลสามเสน กล่าวว่า การทดลองใช้แทบเล็ตโรงเรียนเรามีความตื้นตัวมาก โดยจะเลือกชั้น ป. 1 ที่มีความพร้อม และสนใจอยากเรียนรู้ จากนั้นให้อินเทลมาอบรมครูทุกคน ทุกชั้นเรียน ใช้แทบเล็ต เพื่อปูพื้นฐานให้ครูเข้าใจ และเห็นประโยชน์ต่อการนำมาใช้การเรียนการสอน หากครูไม่เข้าใจและได้รู้จัดการบริหารจัดการการเรียนการสอนที่จะใช้กับเด็กนักเรียน เด็กก็จะไม่ได้รับประโยชน์
ขณะเดียวกัน ได้ใช้หลักสูตรแกนกลางของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มาใช้ร่วมกับสิ่งที่ครูได้คิดรูปแบบเนื้อหาขึ้นมาใหม่ โดยให้อินเทล เป็นผู้ช่วยการผลิตขึ้นมาให้ เช่น ครูอาจจะคิดข้อสอบออกมาใหม่เป็นข้อๆ ทางอินเทล ก็ช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ให้นำมาอยู่ในแทบเล็ต เด็กสามารถทำข้อสอบผ่านแทบเล็ตได้ ส่วนครูก็สามารถดูได้ว่าเด็กทำข้อสอบข้อไหนทำได้มากที่สุด น้อยที่สุด สามารถประเมินการเรียนการสอนได้ทันที
“เรามองว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นสิ่งที่ดี ขณะเดียวกัน ครูก็ต้องเป็นผู้จัดการที่ดีด้วย ต้องมีวิธีการ มีกระบวนการเรียนการสอนนักเรียนชั้น ป. 1 ต้องมีการออกแบบการเรียนรู้ เป็นเรื่องที่ครูต้องศึกษาให้ดี ทำอย่างไรจะให้แทบเล็ตมาเป็นเครื่องมือให้ครูสอนได้ง่ายขึ้น เด็กสามารถเรียนรู้จากแทบเล็ตได้เร็วขึ้น หากครูสามารถทำเนื้อหาที่เป็นนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมได้มากเท่าไร เด็กก็จะเข้าใจในบทเรียนมากขึ้น” นางณัฏฐนันท์กล่าว
เด็ก ป. 1 ชอบแทบเล็ตทำให้เรียนสนุก ด.ญ.มาริษา ซาน อายุ 7 ขวบนักเรียนชั้น ป. 1/4 กล่าวว่า รู้สึกชอบแทบเล็ตเพราะใช้แล้วรู้สึกสนุก ทำให้อยากเรียนรู้ในวิชาต่างๆ มากขึ้น และทำให้เรามีความรู้เพิ่มมากขึ้น จากการใช้งาน ถ้าไม่เข้าใจก็กดดูซ้ำอีกครั้ง ถามว่าอยากใช้ทำอะไรอีกนอกจากใช้เรียนใน 3 วิชาหลัก ด.ญ.มาริษา บอกว่าอยากใช้เล่นเกม แต่ไม่สามารถเล่นได้ ขณะที่ ด.ญ.นลินทิพย์ เครือไชย กล่าวว่า รู้สึกชอบแทบเล็ตเพราะได้ความรู้เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน ทำให้เวลาเรียนสนุกกับการเรียนไปด้วย
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)